รอยคล้ำใต้ตา (Dark circles) พบได้บ่อยทุกเพศทุกวัย ทำให้คนไข้ใบหน้าดูโทรม เศร้าหมอง หลายคนเข้าใจว่าเกิดจากการอดนอน แต่จริงๆแล้ว ยังมีอีกหลายสาเหตุนะคะ ที่ทำให้ขอบใต้ตาคล้ำลึก สาเหตุอื่นๆเช่น
1. กรรมพันธุ์ เชื้อชาติ เช่น แขก อาหรับ มีเม็ดสีบริเวณใต้ตามากกว่าเชื้อชาติอื่น
2. อายุ เมื่ออายุมากขึ้น ผิวหนังและไขมันบริเวณรอบดวงตา จะค่อยๆบางลง และหย่อนคล้อย จึงเห็นเส้นเลือดดำใต้ตาชัด ทำให้ดูคล้ำกว่าปกติ
3. ระคายเคืองรอบดวงตา เช่น คนไข้ที่เป็นโรคภูมิแพ้ มีอาการคันตา (Allergic shiners) หากขยี้ตาบ่อยๆ จะเป็นการกระตุ้นเซลล์ให้สร้างเม็ดสีเพิ่มมากขึ้น ทำให้ใต้ตาคล้ำ หรือบางคนแพ้ครีมทารอบดวงตา ( Allergic contact dermatitis ) มีการอักเสบที่ผิวหนังเกิดเป็นรอยดำตามมาได้คะ
4. อดนอน พักผ่อนไม่เพียงพอ ทำให้ระบบการไหลเวียนเลือดไม่ดี เกิดรอยคล้ำชัดขึ้น
5. แสงแดด เพราะรังสี UV จะกระตุ้นให้เกิดการผลิตเม็ดสีเมลานินที่ผิวหนังเพิ่มมากขึ้น ขอบตาจึงคล้ำ แนะนำให้คนไข้ทาครีมกันแดด หรือใส่แว่นตาดำ เพื่อปกป้องแสงแดดนะคะ
บางคนอาจเกิดจากสาเหตุเดียว แต่บางคนมีหลายสาเหตุร่วมกัน พยายามดูแลตัวเองด้วยการ ทาครีม พักผ่อนนอนหลับ เลี่ยงแดดแล้ว แต่ยังไม่ดีขึ้น หมอยังมีอีก 3 วิธีรักษาทางการแพทย์ มาแนะนำคะ
สารบัญ
1. Laser
มีหลายชนิด แนะนำยิงเลเซอร์กลุ่มรักษาเม็ดสี หรือเส้นเลือด เช่น IPL ,Q switched Nd-yag laser ช่วยทำลายเม็ดสีที่ดำคล้ำใต้ตา และ เลเซอร์ที่เน้นยกกระชับ ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน อีลาสติน แก้ปัญหาผิวใต้ตาหย่อนคล้อย เช่น Ulthera ,HIFU
Q switch
HIFU
IPL laser
2.ฉีด Filler
คือการฉีดสารเติมเต็ม แก้ปัญหารอยคล้ำใต้ตาซึ่งเกิดจากการมีร่องลึก ฉีด filler ที่เหมาะกับบริเวณใต้ตา เช่น juvederm ultra, juvederm vobella, juvederm volift และ Restylane หลังฉีดร่องใต้ตา ตื้นเรียบเนียนขึ้น ดูสดใส ไม่โทรม เห็นผลทันทีหลังทำ ไม่บวม ช่วยลดปัญหาใต้ตาลึกและคล้ำคะ
3.Mesotherapy
เป็นการฉีดวิตามินบำรุงใต้ตา เพิ่มความชุ่มชื้น เพิ่มการไหลเวียนเลือดรอบดวงตา ลดรอยหมองคล้ำ ผิวแลดูสดใส และเติมเต็มขึ้น แนะนำทำอย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง ติดต่อกัน 3 เดือนนะคะ
