Thermage เป็นเคลื่อนที่ปล่อยคลื่นความถี่วิทยุความถี่สูง นำเข้าจากอเมริกา ซึ่งจะเป็นตัวช่วยให้ผิวเกิดการกระตุ้นคลอลาเจน ทั้งยังลงลึกจนถึงชั้นไขมัน ทำให้สามารถลดไขมันในบริเวณนั้นๆ ลงได้ด้วย เช่นบริเวณ แก้ม และเหนียง และช่วยยกกระชับผิวได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังช่วยยกหางตาได้อีกด้วย ทำให้หน้าดูเด็ก ดูอ่อนเยาว์อยู่เสมอ
Thermage FLX ช่วยแก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อย ใบหน้าเหี่ยว มีริ้วรอย ผิวดูมีอายุ จนใครๆก็ทักว่าไปทำอะไรมา ทำไมหน้าดูเด็กจังเลย ให้บริการโดยทีมแพทย์มืออาชีพ ปลอดภัยหายห่วง
***ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล***
สารบัญ
รีวิวประสบการณ์ตรง และรายละเอียดของ Thermage Flx และ Thermage Cpt ต่างกันอย่างไร
สำหรับตัวหมอเองที่ ทำมาแล้วทั้งสองรุ่น สรุปข้อแตกต่าง แบบที่เห็นเองเป็นประสบการณ์ตรง ดังนี้
1. Thermage Flx เจ็บน้อยกว่า cpt จริง
สำหรับ flx รู้สึกได้ถึงความสั่นที่มีประสิทธิภาพกว่า cpt คือสั่นมากสั่นถี่สั่นเยอะ เปิด แบบ low สุดคือ ยังรู้สึกสั่นแบบมากๆ ค่ะ อีกเรื่องนึงเลยคือ มีความเย็นที่มากกว่า cpt ถ้าสมมุติ ปิดสั่น เปิดแต่ความเย็น เพื่อให้ดูว่ารู้สึกเย็นต่างกันยังไง ก็รู้สึกว่าเวลาโดนผิวแล้วเย็นกว่าค่ะ เลยทำให้รู้สึก ช่วยทำให้เจ็บน้อยลงกว่า แต่บริเวณ แนวกรามและ เหนียง ยังคงรู้สึกอยู่ และรู้สึกเยอะสุดกว่าบริเวณอื่นๆเหมือนเดิมค่ะ
2. Thermage Flx เหม็น coolant กว่า
เนื่องจากระบบความเย็นของ flx และ cpt ต่างกัน flx ปล่อยความเย็นออกมาเยอะกว่า จึงทำให้เวลาทำรู้สึกถึงกลิ่นก๊าซที่ผลิตความเย็น โดยเฉพาะ บริเวณ หน้าผากที่ปกติจะปิดระบบสั่นทำ เลยจะค่อนข้างได้กลิ่นชัด แต่ไม่มากและรู้สึกถึงกลิ่นแค่ช่วงเวลาสั้นๆค่ะ
3. Thermage Flx เร็วกว่า cpt มาก
อันนี้ถือเป็นความชอบของหมอเลยค่ะ เพราะปกติ รุ่น cpt ไม่รวมทายาชาด้วย หมอว่าขั้นต่ำประมาณ1ชมครึ่ง ถึง 2 ชมครึ่ง ไม่รวมเวลาทายาชา เรียกได้ว่านอนจนเมื่อย หลับแล้วหลับอีก แต่ flx เร็วกว่ามาก ทำ900 shot เร็วขึ้น เหลือระยะเวลาในการทำ แค่ 45 นาที ถึง 1 ชมครึ่ง เท่านั้นค่ะ และปกติจะทำ แบบเต็มหัวไม่ได้แบ่งชอตอยู่แล้ว เพราะอยากได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและที่สำคัญ อายุ 40 อัพๆต้องจัดเต็มหน่อยค่ะ ซึ่งโดยส่วนตัวชอบมากเพราะไม่ชอบทำอะไรนานๆ ค่ะ
4. Thermage Flx ถ้าร้อนไปจะมีเตือน
เนื่องจากปกติ เป็นคนอดทนมากค่ะ เพราะฉะนั้น บางครั้งเราจะรู้สึกว่าเราโอเค โดยที่จริงๆ ที่ผิวเราอาจจะไม่โอเคคืออาจจะใกล้ burn คือร้อนไปแล้ว เครื่องรุ่น flx เลยช่วยตักเตือนเราว่าร้อนไปแล้วนะ ไม่ต้องอดทนแล้วอีกนิดอาจจะมีผิวไหม้ได้ ทีนี้เลย สบายใจมากในการทำ ว่าเราจะสวยกลับไปแบบปลอดภัย ไม่ต้องทน ค่ะ
5. 450 shots ของ เทอร์มาจ Flx และ 600 shots ของ เทอร์มาจ Cpt
หลังทำทันทีเห็นเลยว่าเหมือนคิ้วยกกว่า ตอนทำ cpt อันนี้เป็นความเห็นส่วนตัวนะคะ ผลลัพธ์ แตกต่างขึ้นอยู่กับบุคคลค่ะ เพราะฉะนั้น โดยส่วนตัว ชอบ Thermage flx มากกว่า แต่ที่คลินิค เรามีทั้งสองรุ่นเลยนะคะ ถ้าคนไข้คนไหนสนใจ หรืออยากทราบรายละเอียดเพิ่มเติม สอบถามมาได้ ที่ ไลนแอดเลยนะคะ บอกเลยว่าโปรโมชั่นตอนนี้ น่าโดนมากค่ะ เพราะราคาทั้ง Thermage cpt และ Thermage flx โปรโมชั่น จัดหนักมากค่ะ
Thermage คืออะไร
Thermage คือ เครื่องมือที่ปล่อยคลื่นความถี่วิทยุความถี่สูง (Monopolar RF) นำเข้าจากประเทศอเมริกา ผ่านการรับรองจากทั้งอย.อเมริกาและอย.ไทย ว่าช่วยยกกระชับผิว และสร้างคอลลาเจนใหม่ได้จริง ก่อนที่เราจะรู้ว่ามันทำงานอย่างไร หมอจะอธิบายชั้นผิวของเราก่อนค่ะ
สามชั้นหลักๆของผิว คือ
- Epidermis ชั้นหนังกำพร้า
- Dermis ชั้นหนังแท้
- Subcutaneous ชั้นไขมันใต้ผิวหนัง
คอลลาเจนที่เราคุ้นหู อยู่ในชั้นหนังแท้ Dermis และ ชั้นไขมันใต้ผิวหนัง Subcutaneous สานกันเปนร่างแห นึกถึงชะลอมหรือตะกร้าสานแน่นๆ อย่างนั้นค่ะ
สมัยวัยรุ่น การสร้างกับการทำลายคอลลาเจนที่เสื่อมสภาพ สมดุลกัน เราจึงผิวเต่งตึง ไม่เหี่ยวหย่อนย้วยตามแรงโน้มถ่วง แต่พออายุมากขึ้นสร้างน้อยลงเรื่อยๆ
คอลลาเจนลดลง (Chronological Aging) แสงแดด ก็มีผลทำให้แก่ก่อนวัย (Photoaging) ด้วยเช่นกัน ตาข่ายร่างแหผิวเลยสานกันได้ไม่แน่น แถมยังบางอีก
นึกถึงตะกร้าสานที่เชือกหย่อนๆยานๆบางๆ ก็เหมือนกับผิวเช่นกัน ก็เลยทำให้ ผิวก็หย่อน หน้าย้วย จับยวบ ไม่ตึง
^^เกริ่นยืดยาว สรุปเลย คือ เทอร์มาจมีหน้าที่ต่อผิวโดยทำให้เกิด….
- Deep-Heating (ดูปากนัชชานะคะ Deepppp) เครื่องมือหลายอันหรือเครื่องความถี่วิทยุโดยทั่วไปหลายๆยี่ห้อ ส่งความร้อนได้ไม่ลึกพอ และร้อนไม่เพียงพอ แต่ Thermage สามารถพิสูจน์ได้ว่าลึก และร้อนเพียงพอต่อการ ทำให้เส้นใยคอลลาเจนและอีลาสตินที่หย่อนคล้อยหดตัว และทำให้เกิดการสร้างคอลลาเจนใหม่อย่างต่อเนื่อง ส่วนผิวด้านบนก็เกิดการ rejuvination จึงทำให้ ผิวตึงกระชับแน่นไม่หย่อนคล้อยโดยไม่ต้องผ่าตัด อันนี้จึงเป็นข้อแตกต่างระหว่างเทอร์มาจ และ RF ทั่วๆไปค่ะ นอกจากนี้ การที่มันลึกจนถึงชั้นไขมันใต้ผิวหนัง จึงออกฤทธิ์ลดไขมันบริเวณนั้นได้อีกด้วยจึงเหมาะมากกับคนที่มีเหนียง มีไขมันที่หน้า และสามารถทำตัวได้ด้วย
ทำไมเทอร์มาจถึงเป็นสุดยอดทรีทเมนท์ยกกระชับ
เพราะเทอร์มาจเป็นเครื่อง Monopolar RF ที่เป็น Original Brand คือ เป็นแบรนด์แรกของโลกและผลิตจากประเทศอเมริกา มีการค้นคว้าวิจัยมาอย่างยาวนาน เป็นที่ยอมรับทั่วโลกว่าเห็นผลได้จริง จึงทำให้เป็นที่นิยมโดยเฉพาะอย่างยิ่ง คนไข้ที่มีปัญหาหน้าหย่อนคล้อย ผิวหลวมแต่ไม่อยากศัลยกรรมดึงหน้าค่ะ
Thermage FLX
Thermage ช่วยเรื่องอะไรได้บ้าง
- ลดแก้มและเหนียง
- ช่วยในเรื่องการยกกระชับใบหน้าที่หย่อนคล้อย และช่วยให้กรอบหน้าชัดมากยิ่งขึ้น
- ช่วยยกหางตา และคิ้ว ยกหนังตาที่ตก
- ช่วยกระตุ้นคอลลาเจนที่ผิวหน้าและที่สำคัญสามารถทำบริเวณลำตัวได้ด้วย เช่น ยกกระชับหน้าท้องที่ผิวคล้อย กระชับช่วงแขนและลำตัว ความร้อนจากเทอร์มาจช่วยลดเซลลูไลท์ที่สะสม
ใบหน้าแบบไหนควรทำเทอร์มาจ
ใบหน้าที่มีไขมันสะสมที่หย่อนคล้อย หรือที่เรียกว่ามีไขมันแก้ม ไขมันเหนียง ผิวไม่กระชับ แก้มย้วย แก้มเยอะ แก้มห้อยคล้อย มีแก้มแล้วขอบหน้าไม่ชัด นอกจากทำบริเวณใบหน้าแล้ว ยังสามารถทไบริเวณลำตัวได้ด้วย เช่น หน้าท้อง สะโพก ต้นแขนต้นขา ให้ผิวบริเวณเกิดการกระชับมากยิ่งขึ้น
Thermage เหมาะกับใคร และเทอร์มาจช่วยเรื่องอะไรบ้าง
เทอร์มาจช่วยเรื่อง Face
- คนที่ต้องการยกกระชับใบหน้าที่หย่อนคล้อย ขอบหน้าไม่ชัด มีเนื้อส่วนเกินแนวขอบกรามเยอะ ยังไม่อยากผ่าตัดดึงหน้า ไม่ต้องการทำหัตถการที่ต้องมีการพักฟื้น
- คนที่ใบหน้ามีเนื้อแก้มเยอะหรือมีเหนียง
- คนที่ต้องการยกกระชับเปลือกตา เปลือกตาเริ่มตก หนังตาตก ต้องการยกคิ้ว
- คนที่มุมปากเริ่มตก มีร่องหรือริ้วรอยในระยะเริ่มต้น แต่ยังไม่อยากฉีดBo
- คนที่ต้องการเสริมสร้างคอลลาเจนให้ผิวหน้าเพิ่มมากขึ้น
เทอร์มาจช่วยเรื่อง Body
- สามารถทำท้องที่หย่อน แตกลาย โดยเฉพาะหลังคลอดบุตร หรือหลังลดน้ำหนัก ที่มีปัญหาเรื่องผิวหย่อนคล้อย
- สามารถทำต้นขา ต้นแขน สะโพก Love Bundle (บริเวณขอบกางเกงด้านหลังที่เป็นก้อน) และทุกส่วนของร่างกายเพื่อทำให้กระชับ ขจัดเซลลูไลต์และผิวเรียบเนียนขึ้น
Thermage ไม่เหมาะกับใคร
- คนที่อายุมาก
- ผิวหย่อนคล้อยมาก (ทั้งนี้ต้องให้แพทย์ประเมินถึงวิธีการที่เหมาะสม)
- ห้ามทำในคนที่มีโรคประจำตัวที่ต้องใส่ Pacemaker
Thermage สามารถ ทำบริเวณใดได้บ้าง
- ใบหน้า
- เหนียง คอ
- Body
- ผิวบริเวณเปลือกตา
วิธีการปฏิบัติตัว ก่อนและหลังทำเทอร์มาจ
▶ ก่อนทำเทอร์มาจ
1. ศึกษาหาข้อมูล ของการทำว่าเป็นอย่างไร เราเหมาะสมที่จะทำหรือไม่ ความคาดหวังของเราเป็นอย่างไร อย่างเช่น ริ้วรอยตีนกา ไม่สามารถทำให้หายได้ด้วยเทอร์มาจ สิ่งที่เป็นตัวช่วยอันดับ1 ที่เห็นผลมากสุด จะเป็น bo.tox เป็นต้นค่ะ สิ่งต่างๆ เหล่านี้จะทำให้เราเห็นภาพชัดเจนขึ้นว่า จริงๆเราควรทำอะไร เรามีลิมิต เช่น สมมุติกลัวเข็มไม่อยากฉีด ดังนั้นผิวที่ดีขึ้นจากการทำเครื่อง จะดีขึ้นแตกต่างจากการฉีดอย่างไรบ้างค่ะ
2. ผิวแห้งแพ้ง่ายหรือผิวแพ้ยาชาทา ต้องแจ้งให้แพทย์ทราบ เพราะจะมีการทายาชาก่อนทำการรักษาค่ะ
3. คนไข้ที่ตั้งครรภ์ หรือใส่ Pacemaker ไม่สามารถทำเทอร์มาจได้ค่ะ
4. ผิวที่เพิ่งออกแดดมากๆมาใหม่ๆ มีอาการ suntan หรือ sunburn มาก็ยังไม่ควรทำเทอร์มาจค่ะ
5. คำนวณเวลาการใช้หน้าให้ดี เพราะการเห็นผลของเทอร์มาจจะเห็นหลังทำ 20% และจะดีขึ้นเรื่อยๆ มากสุดในช่วงสองเดือน เพราะฉะนั้นถ้าคนไข้มีออกงาน ควรมาทำก่อนสักสองเดือนจะดีที่สุดค่ะ
▶ หลังทำเทอร์มาจ
1. ทาครีมบำรุงผิว มอยเจอไรเซอร์ได้ตามปกติ
2. งดครีมที่ทำให้เกิดการระคายเคือง เช่น AHA กรดวิตามินเอ ครีมทาสิว ครีมไวท์เทนนิ่งต่างๆ อย่างน้อย 3-5 วันค่ะ เพราะหลังทำผิวจะแห้งลงการทาครีมที่ทำให้ผิวแห้งขึ้นอาจจะทำให้เกิดการระคายเคืองได้ง่ายค่ะ
▶ ใครที่ห้ามทำเทอร์มาจ
1. ตั้งครรภ์
2. คนไข้ที่มี pace maker หรือใช้เครื่องกระตุ้นหัวใจค่ะ
ระยะเวลาในการเห็นผล เทอร์มาจอยู่ได้นานแค่ไหน
- เห็นผลหลังทำ thermage ทันที 20% และ ดีขึ้นเรื่อยๆในสองเดือน
- ทำเพียงปีละ 1 ครั้ง
Thermage ราคา 2พัน 5พัน มีจริงมั้ย
ไม่มีนะคะ เพราะเทอร์มาจ มีต้นทุนค่าเครื่องและหัวทิปที่จัดว่าแพง เพราะฉะนั้นไม่มี Thermage ราคานี้ค่ะ
มี Sale บอกว่าทำเทอร์มาจอยู่ได้ 3-5 ปี จริงไหม
คนเราอายุมากขึ้น อายุผิวมากขึ้นเป็นธรรมดาค่ะ ทำต่อเนื่องผิวดีขึ้นกว่า ไม่ทำแน่ค่ะ และเทียบกับคนที่ไม่ได้ทำอะไรเห็นผลชัดมากค่ะ หลายคนชอบถามว่ามีทรีทเมนต์อะไรที่ทำทีเดียวอยู่นาน 3ปี 5ปี มั้ย คำตอบของหมออาจจะทำร้ายจิตใจแต่บอกว่าไม่มีค่ะ อายุ 35 ไป 40 อะไรๆก็ต้องเปลี่ยนแปลงอยู่แล้วค่ะ แต่อยากจะให้นึกถึงว่าเรากำลังเล่นชักเย่อกับอายุอยู่ ขนาดรถเราซื้อยังต้องไปเช็คระยะเปลี่ยนน้ำมันเครื่องเปลี่ยนอะไหล่ ร่างกายเราก็เช่นเดียวกันคะ ก็ต้องดูแลตัวเองและสุขภาพยิ่งกว่ารถ ทำปีละครั้งก็นึกว่ามาเช็คระยะความสวยประจำปีค่ะ
ทำเทอร์มาจที่ไหนดี เลือกอย่างไร
1. เลือกแพทย์ที่มีประสบการณ์ ในการทำเทอร์มาจ
2. เลือกคลินิกที่มีเคสทำเทอร์มาจจำนวนมาก
3. เลือกที่มีรีวิว คนไข้ คนดัง และเซเลบริตี้มาทำ เพราะอย่างน้อย เราสามารถเห็นความเปลี่ยนแปลงในขณะที่ทำ และหลังทำได้ จะให้ดีควรมีรีวิวที่เป็นลักษณะวิดีโอ เพื่อให้เห็นภาพในขณะทำได้ชัดเจน
4. เลือกคลินิก ที่แพทย์ก็ทำการรักษาตนเองด้วยเทอร์มาจ เพราะ อะไรที่ดีแพทย์ที่ทำการรักษาควรจะต้องลองก่อนเพื่อให้รู้ว่า ความรู้สึกขณะทำเป็นอย่างไร ตรงไหนเจ็บมากเจ็บน้อย ควรจะบรรเทาความรู้สึกให้น้อยลงได้อย่างไร หลังทำเห็นผล แบบไหน เมื่อไหร่ เป็นอย่างไร จะสามารถอธิบายคนไข้ได้ชัดเจนที่สุดค่ะ
Thermage FLX แตกต่างจาก Thermage CPT อย่างไร
สรุปคร่าวๆ เลยคือลงลึกเท่ากันในแง่การเห็นผลเรื่องประสิทธิภาพไม่ได้แตกต่างกัน เพราะลงในชั้นผิวความลึกเท่ากัน คือ 4.3 mm มี cooling system เหมือนกัน แต่ทำเร็วกว่า เจ็บน้อยกว่า ( แล้วแต่บุคคล บางคนบอกไม่ต่างกันเพราะ CPT ก็ไม่ได้เจ็บมากจนทนไม่ได้ ) ที่เหนือกว่าจริงๆ คือ มีระบบ Accurep แจ้งเตือนอุณหภูมิใต้ผิวป้องกันเรื่องของการ Burn ราคา FLX สูงกว่า CPT สำหรับใครที่อยากทำรุ่นไหน หมอบอกได้เลยว่าตามสะดวกเลยค่ะ เพราะที่คลินิกเรามีทั้งสองรุ่นให้เลือกค่ะ เอาจริง ถ้าพูดถึงอยากจะเชียร์ เพราะเพิ่งลงทุนซื้อเครื่องใหม่ ราคาหนักหน่วงอยู่ ก็คงจะเชียร์ FLX นะคะ แต่จากใจคิดว่าถ้าเรื่องประสิทธิภาพความลึกที่ได้ไม่แตกต่างกัน เพราะฉะนั้นบอกได้เลยว่า ถ้ากลัวเจ็บ กังวลBurn อยากลองเครื่องรุ่นใหม่ และทำได้รวดเร็ว ก็ FLX ค่ะ ถ้าเน้นแนวคลาสสิค เห็นผลเหมือนกัน ราคาถูกกว่าก็ CPT ค่ะ ดังนั้นเรียนเชิญตามสะดวกได้เลยค่ะ
Thermage แตกต่างจาก อัลเทอร่าอย่างไร
หมอมีวิดีโอให้ดูกันค่ะ ข้อแตกต่างระหว่าง Thermage กับ Ulthera
Thermage แผ่พลังงาน ลงมาเป็นก้อนตามขนาดของหัว ตามรูปนะคะ
ภาพการปล่อยพลังงานของหัวทิปเทอร์มาจ
ภาพการปล่อยพลังงานของเครื่องเทอร์มาจ
เพราะฉะนั้น พลังงานจะสูงมาก ในชั้นผิวชั้นหนังแท้และชั้นไขมัน ทำให้เกิดการกระตุ้นคอลลาเจน และทำให้ผิวแน่น โดยตัวของมันเองจะ ลึก 4.3 mm จะได้ชั้นบนๆ ของ SMAS บางส่วนได้ค่ะ แต่อัลเทอร่าจะแผ่พลังงานออกมาเป็นจุดเล็กๆ เพราะมันคือ Focused Ultrasound พลังงานในผิวชั้นบนๆ เมื่อเทียบกับเทอร์มาจอาจจะไม่เท่า แต่มีข้อดีมาที่แตกต่างจากอันอื่นๆ คือ ลงลึกถึงชั้น 4.5 mm คือชั้น smas ซึ่งเป็นชั้นเยื่อหุ้มกล้ามเนื้อ เวลาที่ผ่าตัดดึงหน้า จะดึงและเย็บชั้นผิวชั้นนี้นะคะ อัลเทอร่า ก็เหมือนเป็นเครื่องเย็บผิวชั้นนี้ เมื่อเกิดการหดตัวของ smas ก็ทำให้ใบหน้ายกกระชับ ไม่หย่อนคล้อยเก็บขอบหน้าได้ชัดเจนค่ะ
สรุป ในเรื่องของผลที่ได้ คือ เทอร์มาจช่วยเรื่องผิวห้อย ผิวหลวม ผิวหย่อน แบบขาดคอลลาเจนและอีลาสติน ดีขึ้นคือทำให้เกิด skin tightening คือผิวแน่นนั่นเอง และยังช่วยลดไขมันได้ดีอีกด้วย ส่วนอัลเทอร่า จะทำให้เกิด skin lifting คือ ผิวยก จากการที่ยกกระชับใบหน้าจาก smas ที่หดตัวค่ะ
เทอร์มาจหรืออัลเทอร่าดี
จริงๆ อยากให้ดู วิดีโออันนี้ค่ะ
สรุปคือ เวลาที่เราอายุเยอะขึ้น ผิวเราเสื่อมลงทุกชั้นค่ะ คือถ้าเป็นไปได้จริงๆ ทำ 2 เครื่องดีที่สุด แต่ถ้าอยากจะทำเพียงเครื่องเดียว หรืออยากจะแก้ปัญหานี้ก่อน อาจจะเริ่มต้นจากเทอร์มาจหรืออัลเทอร่าก็ได้ขึ้นอยู่กับการประเมินร่วมกันของแพทย์และผู้ทำการรักษาค่ะ
เทอร์มาจแตกต่างจาก hifu อย่างไร
HIFU เป็นเทคโนโลยีเดียวกับอัลเทอร่า ซึ่งก็คือ High Intensity Focused Ultrasound ค่ะ ดังนั้น ความแตกต่างของเทอร์มาจกับ hifu ก็จะคล้ายๆ กับอัลเทอร่า แต่ HIFU ก็จะด้อยกว่าอัลเทอร่า ในแง่ของพลังงานที่ต่ำกว่าอัลเทอร่า ทำให้ต้องทำหลายครั้งต่อปี ถึงทำหลายครั้งต่อปีประสิทธิภาพก็ไม่เท่า และไม่มีหน้าจอ Real Time ที่บอกว่าลงลึกไปที่ชั้นผิวไหนแล้ว สุดท้ายตอนนี้เครื่องในท้องตลาดมีหลากหลายมาก ทั้งของราคาถูกจากเมืองจีนที่ไม่ต้องพูดเรื่องประสิทธิภาพ แค่เรื่องความปลอดภัยก็น่ากลัวแล้ว ไปจนถึงเครื่อง HIFU ที่มีราคาค่อนข้างสูง ทั้งราคาเครื่องและราคาshot ดังนั้นประสิทธิถาพของเครื่องจะแตกต่างกันมากค่ะ
สำหรับ HIFU ลองดูวิดีโอนี้เลยค่ะ
เทอร์มาจ FLX เครื่องแท้และหัวแท้ ดูอย่างไร
Thermage FLX เครื่องแท้
หัว Tip FLX
โปรโมชั่นเทอร์มาจ FLX
รีวิวเทอร์มาจ
***ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล***
VDO Thermage FLX