CoolSculpting คืออะไร เจ็บไหม ได้ผลดีขนาดไหน
รวมคำถามที่หลายคนสงสัยและอยากรู้เกี่ยว CoolSculpting เทคโนโลยีการใช้ความเย็นในการกำจัดไขมันออก ช่วยให้ร่างกายของเรามีสัดส่วนที่ดีมากยิ่งขึ้น ทำเพียงครั้งเดียวก็เห็นผล ไขมันลดลงอย่างถาวร โดยไม่ต้องพักฟื้น ไร้กังวลเรื่องรอยแผลหลังทำ เพราะเป็นการลดไขมันโดยตรง ด้วยอุณหภูมิติดลบ ทำให้เซลล์ไขมันตายและสลายหายไปตามธรรมชาติค่ะ
ปรึกษาคุณหมอฟรี! ไม่มีค่าใช้จ่าย
Coolsculpting คืออะไร
Coolsculpting คือ เทคโนโลยีการใช้ความเย็นกำจัดไขมันออก หรือเรียกว่า Cryolyposis ปล่อยความเย็น -11 องศาเซลเซียส ลงชั้นใต้ผิวหนัง ทำให้เซลล์ไขมันเกิดการ apoptosis ไมทำให้เซลล์และเนื้อเยื่อเกิดการเสียหาย โดยตัวเครื่องถูกคิดค้นและพัฒนาร่วมกันกับ Harvard สหรัฐอเมริกา
Coolsculpting ช่วยอะไรได้บ้าง
Coolsculpting ช่วยกำจัดไขมันส่วนเกิน บริเวณต่างๆของร่างกาย เป็นการแก้ไขที่ตรงจุดได้มากกว่า ทำให้เซลล์ไขมันเกิดการ Apoptosis และขับออกทางร่างกายเองตามธรรมชาติ โดยไม่ทำให้เนื้อเยื่อเสียหาย ช่วยเสริมประสิทธิภาพการออกกำลังกาย สัดส่วนลดลง รูปร่างกระชับมากยิ่งขึ้น
ปรึกษาคุณหมอฟรี! ไม่มีค่าใช้จ่าย
ทำ Coolsculpting เจ็บหรือไม่
- ระหว่างทำ : เจ็บเล็กน้อย รู้สึกเย็นๆ แสบได้บ้าง รู้สึกชา จี๊ดๆที่ผิว
- หลังทำครบ 35 นาที : รู้สึกปวด 1-3 นาทีแรก เมื่อนวด ผิวบริเวณที่ทำแดงๆ เป็นก้อนๆได้จากความเย็น
- หลังทำ 1-2 สัปดาห์ : อาจรู้สึกเมื่อยๆคัน ปวดๆ บริเวณที่ทำได้บ้าง
- หลังทำ 3สัปดาห์-1เดือน : อาจยังคงชาได้บ้างเล็กน้อย
- หลังทำ 3 เดือน : เห็นผลชัดมากขึ้น สัดส่วนลดลง ไขมันลงอย่างชัดเจน
Coolsculpting เห็นผลเมื่อไหร่
หลังทำทันทีอาจรู้สึกตึงๆบวมๆ ได้บ้าง จะเห็นผลชัดเจนเต็มที่ รู้สึกกระชับ รู้สึกใส่เสื้อผ้าสบายขึ้น ประมาณ 1-3 เดือน ขึ้นอยู่กับปริมาณไขมันบริเวณนั้น
อยู่นานเท่าไหร่ ต้องทำกี่ครั้ง แต่ละจุด แนะนำทำ 4 ครั้งขึ้นไป การกำจัดไขมันเป็นการกำจัดถาวร หากไม่มีน้ำหนักเพิ่มขึ้น ไขมันบริเวณนั้นจะไม่กลับมา
กลไกการทำงานของ Coolsculpting
Coolsculpting เป็นเทคโนโลยี Cryolyposis มีหัว Applicator ที่เป็น Vacuum ดูดสุญญากาศ แล้วปล่อยพลังงานความเย็น ภายใต้การควบคุมความเย็นที่ติดลบ 11 องศาเซลเซียส ความเย็นลงไปชั้นใต้ผิวหนัง ทำลายเซลล์ไขมันบริเวณที่ทำ ทำให้เซลล์ไขมันค่อยๆตาย และเปลี่ยนเป็นของเสียเข้าสู่ระบบน้ำเหลือง และร่างกายขับออกตามกลไกธรรมชาติ เซลล์ไขมันจะขับออกได้ประมาณ 25%
Coolsculpting มีระบบ Cool Control และ Freeze Detect ซึ่งอุณหูมิของ Applicator จะถูกตรวจจับและปรับให้อยู่ในอุณหภูมิที่เหมาะสมกับทรีทเมนต์ อุณหภูมิร่างกายจะถูกตรวจสอบอย่างละเอียด ระบบ Cool Control เป็น ระบบที่ออกแบบเพื่อความปลอดภัย คอยวัดอุณหภูมิที่อยู่ในช่องทำความเย็นของ Applicator ถูกออกแบบเพื่อวัดอุณหภูมิบริเวณที่ทำ จะคอยปรับเพื่อให้ได้ความเย็นตามเป้าหมายและป้องกันไม่ให้เกิดภาวะที่เกิดจากความเย็นจัด ส่วน Freeze Detect จะเป็นระบบป้องกันความเสี่ยงที่เกิดความเสียหายต่อเนื้อเยื่อ
ใครเหมาะทำ Coolsculpting
- คนที่ออกกำลังกาย แต่ยังมีไขมันส่วนเกิน บริเวณต่างๆ
- คนที่ไม่สามารถออกกำลังกายได้ ด้วยข้อจำกัดทางร่างกาย
- คนที่ภาวะอ้วน หรือส่วนเกิน อยากให้รูปร่างกระชับ สัดส่วนลด
- คนที่อยากลดไขมันในร่างกาย ให้สุขภาพโดยรวมดีขึ้น
ผลลัพธ์ที่ได้จากการทำ Coolsculpting
- ไขมันลดลงถาวร
- สัดส่วนลดลงใน 1-3 เดือน ขึ้นอยู่กับไขมันบริเวณที่ทำ
- ทำเพียงครั้งเดียวก็เห็นผล
Coolsculpting ทำบริเวณไหนได้บ้าง
- หน้าอกผู้ชายที่มีไขมันสะสม
- ท้องแขน ต้นแขน
- รอบเอว สะโพกบน
- หน้าท้องบน หน้าท้องล่าง
- ขาด้านใน
ปรึกษาคุณหมอฟรี! ไม่มีค่าใช้จ่าย
Coolsculpting ต่างจาก crylipolysis เครื่องสลายไขมันด้วยความเย็นตัวอื่นๆ อย่างไร
Freeze Detect ปลอดภัยกว่า ด้วยระบบ freeze detect เนื่องจาก cool sculpting เป็นการสลายไขมันด้วยความเย็น ติดลบ ดังนั้นนอกเหนือจากไขมันแล้ว สิ่งที่ต้องระวัง คือ การBurnจากความเย็นที่ผิวหนัง เครื่อง coolsculpting มีเทคโนโลยี เฉพาะที่ออกแบบมาเป็นลิขสิทธิ์ของเครื่องเพื่อป้องกันกรณีการเกิดความเย็นบริเวณผิวหนัง และทำให้เกิดการไหม้และผลข้างเคียงจากความเย็นในส่วนที่เราไม่ต้องการได้ ดังนั้น freeze detect จึงมีความสำคัญมาก
Cool Control เนื่องจากการทำให้เซลล์ไขมันตาย ต้องอาศัยความเย็นที่คงที่และสม่ำเสมอทั้งการรักษา เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการรักษา Technology Cool Control ของ Coolsculpting เป็นเทคโนโลยีเฉพาะ สามารถควบคุมความเย็นที่ปล่อยออกมา ให้มีประสิทธิภาพเพื่อให้กำจัดเซลล์ไขมันได้เป็นอย่างดี
ความน่าเชื่อถือ เนื่องจากเป็นแบรนด์แรก และเป็นเจ้าตลาดด้าน Non Invasive Lipolysis มาเป็นเวลาถึง 10 ปีหรือการลดไขมันโดยไม่ต้องผ่าตัด จากทั่วโลกได้รับการค้นคว้าและพัฒนา จาก Harvard medical school มีรีวิวและผลการวิจัยที่ตีพิมพ์ลงในนิตยสารทางการแพทย์เรื่องประสิทธิภาพมากมาย จึงทำให้เป็นที่ยอมรับจากกว่า70 ประเทศ ทั่วโลกมาแล้วกว่า 7 ล้านทรีทเม้นท์ ยืนหนึ่งเรื่องการลดไขมันแบบไม่ผ่าตัด
Coolsculpting ต่างจากการดูดไขมันอย่างไร
ตัวCoolsculpting ไม่ต้องพักฟื้น ไม่ใช้เข็ม ผิวเรียบเสมอกัน ผิวกระชับมากกว่า แต่การลดไขมันจะช้ากว่าการดูดไขมัน ซึ่งเป็นการเอาไขมันออกทันที แต่ต้องพักฟื้น มีรอยแผลจากการดูด และผิวอาจไม่กระชับ ผิวอาจไม่เรียบเป็นคลื่นๆจากการที่ไขมันหายไปบริเวณนั้นๆ
Coolsculpting ต่างจาก Emsculpt อย่างไร
Coolsculpting เป็นการเน้นการลดไขมันโดยตรง ลดไขมันโดยการใช้ความเย็นเป็นหลัก แต่การทำ Emsculpt จะสามารถช่วยเพิ่มการสร้างกล้ามเนื้อบริเวณที่ทำได้ซึ่งเป็นการทำงานของคลื่นแม่เหล็ก หากคนไข้เน้นการกำจัดส่วนเกินบริเวณเล็กๆ พื้นที่ไม่เยอะ การทำ Coolsculpting จะตรงจุดมากกว่า>
Coolsculpting ต่างจากการฉีดเมโสแฟตอย่างไร
การฉีดลดเมโสแฟต เป็นการสลายไขมันเฉพาะจุดและขับออกทางร่างกายตามธรรมชาติ การเห็นผลจะขึ้นอยู่กับปริมาณของมวลไขมันและปริมาณยาที่ใช้ในบริเวณนั้นๆ หากใช้จำนวนมาก อาจเป็นรอยเข็มหรือเขียวช้ำได้ หรือบางคนกลัวเข็ม เพราะฉะนั้น Coolsculpting เป็นทางเลือกหนึ่งของคนที่ไม่ชอบเข็ม และยังสามารถกำจัดไขมันได้ในบริเวณกว้าง
Coolsculpting ต่างจากการทำ Thermatite หรือ Velashape อย่างไร
การทำ Thermatite หรือ Velashape เป็นคลื่น RF ใช้ความร้อนช่วยกระชับผิว ผิวที่หลวม ไม่แน่น จากการที่ไขมันลดลง หรือผิวที่มีเปลือกส้ม เซลลูไลท์ ให้ลดลง แต่ไม่ได้ลดไขมันทั้งหมด เพราะฉะนั้นผู้ที่ต้องการลดไขมันและเซลลูไลท์ และอยากให้ผิวกระชับด้วย อาจจะต้องทำตัว Coolsculpting ร่วมกันกับ Thermatite หรือ Velashape
รีวิว Coolsculpting
ปรึกษาคุณหมอฟรี! ไม่มีค่าใช้จ่าย