ฝ้า (blemishes) กระ (freckles) เกิดขึ้นได้อย่างไร

ปัญหาผิวหน้ารองลงมาจากปัญหาเรื่องสิว คงต้องเป็นเรื่องของจุดด่างดำ ฝ้า กระ ซึ่งเป็นปัญหาที่กวนใจสาวๆมากเลยคะ บางท่านอาจยังแยกไม่ออกว่าฝ้า และ กระ แตกต่างกันอย่างไร และมันเกิดมาจากสาเหตุอะไร ทำไมมันถึงได้ขึ้นมาเยอะแยะมากมาย เรามีคำตอบเกี่ยวกับเรื่องนี้มาฝากกันค่ะ

ฝ้า กระ

กระ (freckles) คืออะไร

กระเป็นลักษณะ จุดเล็กๆสีน้ำตาลอ่อน อาจขึ้นได้ทั่วไป กระที่ขึ้นบนผิวชั้นบนหรือชั้นหนังกำพร้า คือ กระธรรมดาหรือกระแดด เมื่ออายุมากขึ้น กระมีลักษณะนูนและสีเข้มมากขึ้น เรียกว่ากระเนื้อ หรือเป็นการแบ่งตัวของเซลล์ผิวหนังที่ผิดรูปแบบไป ในอนาคตอาจก่อให้เกิดอันตรายได้ ต้องรับรักษาคะ

ฝ้า (blemishes) คืออะไร

ฝ้าจะเป็นปื้นๆ สีน้ำตาลเข้มกว่าสีผิว มีอยู่2ชนิด คือฝ้าชนิดตื้น คือเม็ดลีจะมีความลึกอยู่เพียงชั้นหนังกำพร้าและฝ้าชนิดลึกจะมีความลึกของเม็ดสีอยู่ในระดับชั้นหนังแท้ ความเข้มจะค่อนข้างเข้มมากว่าด้วย

ฝ้ากระเกิดจากอะไร

รังสีUVและความร้อนจากแสงแดด

รังสีUVจากแสงแดด โดยเฉพาะช่วง10.00-14.00 น. มักเป็นสาเหตุหลักๆที่ทำให้ฝ้ากระเกิดขึ้นได้ เพราะจะไปกระตุ้นให้เมลานีนมีการสร้างเม็ดสีมากขึ้น และรวมไปถึงความร้อนจากการประกอบอาหารและแสงไฟด้วยที่เป็นตัวการให้เกิดฝ้า

รังสีหรือความร้อนจากจอคอมพิวเตอร์

รังสีจากหน้าจอคอม ส่งผลรบกวนต่อผิวหน้า ทำให้เกิดความร้อนสะสม รบกวนเมลานีนหรือเม็ดสีผิว ทำให้เกิดฝ้าที่เด่นชัดขึ้น

การตั้งครรภ์

ในช่วงตั้งครรภ์จะเกิดการเปลี่ยนแปลงฮอร์โมน ซึ่งเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรนจะสูงขึ้นโดยเฉพาะช่วงไตรมาส3ของการตั้งครรภ์ เมื่อคลอดบุตรแล้ว ฝ้าอาจจะค่อยๆจางลงใช้ระยะเวลาเป็นเดือนๆ ในรายที่เป็นมากอาจเหลือร่องรอยดำไว้บ้าง

ยาคุมกำเนิด

ฮอร์โมนเอสโตรเจนเมื่อมีในร่างกายระดับสูง ส่งผลไปกระตุ้นเซลล์สร้างสีเมลาโนไซท์ ทำให้เกิดฝ้าได้ ฮอร์โมนชนิดนี้สามารถพบได้ในยาคุมกำเนิดหลายๆยี่ห้อ เพราะฮอร์โมนนี้เป็นกลไกสำคัญในการคุมกำเนิด คนที่ทานในระยะเวลา6เดือนเป็นต้นไป มักจะมีปัญหาเรื่องฝ้า ต้องคอยสังเกตว่าฝ้านั้นเกิดจากยาคุมกำเนิดหรือไม่ หากเป็นเช่นนั้นควรพบแพทย์เพื่อเปลี่ยนวิธีคุมกำเนิด

เครื่องสำอาง

ในเครื่องสำอางบางชนิดมีการเจือปนสารเคมีหรือสารอันตรายต่อผิวหน้า เกิดอาการแพ้ ระคายเคือง จนกระทั่งสะสมบนใบหน้า ทำให้ใบหน้ามีรอยด่างดำ เกิดเป็นฝ้าได้

ความเครียด

เมื่อร่างกายเกิดความเครียด จะทำให้เกิดการสร้างอนุมูลอิสระขึ้นมาในร่างกาย ซึ่งอนุมูลอิสระก็เป็นอีกตัวการหนึ่งที่มีส่วนไปกระตุ้นการสร้างเม็ดสีผิวทำงานผิดปกติ

การพักผ่อน

เมื่อพักผ่อนน้อย อดนอน นอนไม่พอ ทำให้การทำงานของต่อมเหงื่อลดลง จึงเกิดการขับของเสียลดลง เมื่อร่างกายมีอุณหภูมิสูงขึ้น ทำให้การขับของเสียทางปัสสาวะแทน ส่งผลให้ไตทำงานหนัก จากนั้นผิวพรรณอาจแย่ลง เกิดสิวฝ้าและกระตามมาได้

การดื่มน้ำ

การดื่มน้ำนอกจากจะคงสมดุลให้ร่างกายแล้ว ยังช่วยเป็นตัวกำจัดหรือขับสารพิษที่อาจตกค้างในร่างกาย และอาจก่อให้เกิดฝ้าได้ในอนาคต

การป้องกันและรักษาฝ้าและกระ

  • หลีกเลี่ยงแสงแดด การใช้ร่มที่ป้องกันรังสียูวี สวมหมวก ใช้ผ้าคลุม โดยเฉพาะแดดช่วง10.00-16.00 น. และต้องไม่ลืมที่จะใช้ครีมกันแดดที่มีSPF30+ขึ้นไปเพื่อป้องกันยูวีเอ และมีค่าป้องกันPA2+ขึ้นไปเพื่อป้องกันยูวีเอ ควรทาก่อนออกแดด30นาที
  • หลีกเลี่ยงยา ฮอร์โมนที่เป็นต้นเหตุให้เกิดฝ้า เช่น ยาคุมกำเนิด อาจจะต้องเปลี่ยนการคุมกำเนิดโดยต้องปรึกษาแพทย์ก่อน และเลี่ยงเครื่องสำอางที่มีผลให้เกิดฝ้าด้วย
  • การรักษาด้วยยาทา เช่น ยากลุ่มไฮโดรควิโนน ยากรดวิตามินเอ ยากลุ่มทรานิซามิก ครีมทาที่มีส่วนผสมของกรดผลไม้ ครีมไวท์เทนนิ่งอื่นๆ
  • ดูแลตนเอง พักผ่อนให้เพียงพออย่างน้อย6-8ชั่วโมงต่อวัน เลี่ยงความเครียด หากิจกรรมเพื่อผ่อนคลาย รับประทานอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น มะเชือเทศ มะละกอ ฝรั่ง ส้ม ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ ขับถ่ายให้เป็นเวลา ดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ1800-2000 มล.
  • การทำทรีทเมนท์Iontophoresis เป็นเครื่องมือที่ส่งกระแสไฟฟ้าอย่างอ่อน ช่วยผลักวิตามินและครีมเข้าสู่ผิวให้ซึมได้ลึกกว่าการทาครีมทั่วไป
  • กรอผิวด้วยMicrodermabration เป็นการกรอหน้าด้วยอัญมณี ช่วยผลัดเซลล์ผิวชั้นนอก ทำให้รอยฝ้าจางลงได้
  • การทำIPL ใช้แสงยิงเข้าไป ทำให้โปรตีนของเมลานีนที่เกิดฝ้าแตกจากกัน จะช่วยทำให้รอยฝ้าจางลงได้บ้าง และควรทำต่อเนื่องทุก2สัปดาห์
  • การทำQS ND Yag เป็นการส่งคลื่นแสงลงไปชั้นผิว ค่อนข้างปลอดภัยและทิ้งสะเก็ดน้อย แต่ต้องเลี่ยงแดดประมาณ 1 สัปดาห์
  • การทำMesotherapy ใช้เข็มเล็กๆฉีดตัวยาไปในผิวชั้นตื้นๆเพื่อกระจายตัวยาลงชั้นเซลล์ที่มีปัญหา เพื่อผลลัพธ์ที่ดีและต่อเนื่องควรทำซ้ำทุก 1-2 สัปดาห์

ปรึกษาคุณหมอฟรี! ไม่มีค่าใช้จ่าย