ทำเลเซอร์หน้าเสี่ยงฝ้า (Melasma) /กระ (Freckle) จริงไหม

ปัญหาผิวหน้ารองลงมาจากสิว หนีไม้พ้นความกังวลเรื่องของจุดด่างดำ ฝ้า กระ ทำให้หมดความกังวลและแน่นอนว่าเมื่อเกิดขึ้นมาแล้ว ก็ต้องหาวิธีปรับแก้ ฟื้นคืนให้ผิวหน้ากระจ่างใสไร้รอยต่างๆ

กระ (Freckle) เป็นแบบไหน

• กระแดด หรือจุดเล็กๆ สีน้ำตาลอื่น ที่เกิดขึ้นบริเวณผิวชั้นบนหรือชั้นหนังกำพร้า
• กระเนื้อ มีลักษณะเป็นเนื้อนูน สีเข้ม ชนิดนี้จะเกิดจากการแบ่งตัวของเซลล์ผิวหนัง ซึ่งนับว่าทำให้เกิดปัญหาสุขภาพเป็นอันตรายได้ควรต้องเข้ารับการรักษา

ฝ้า (Melasma) เป็นแบบไหน

ฝ้ามีลักษณะเป็นปื้นๆ สีน้ำตาลเข้มกว่าผิว มีอยู่ด้วยกัน 2 ชนิด ได้แก่ 

• ฝ้าชนิดตื้น จะมีเม็ดสีที่มีความลึกเพียงบริเวณชั้นหนังกำพร้า 
• ฝ้าชนิดลึก จะมีลักษณะเป็นเม็ดลึกถึงระดับชั้นหนังแท้ และมีสีเข้ม เห็นได้ถึงความแตกต่างอย่างชัดเจน 

ฝ้ากระ เกิดได้จาก

1. ความร้อนจากแสงแดดและรังสี UV โดยเฉพาะช่วงเวลา 10.00 – 14.00 น. พลังงานความร้อนในช่วงเวลานี้จะเข้าไปกระตุ้นเมลานินให้สร้างเม็ดสีมากขึ้น 
2. รังสีจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ก็ส่งผลกระทบต่อผิวหน้า ความร้อนที่ค่อยๆ แผ่กระจายรบกวนเมลานินให้เกิดฝ้าขึ้นได้ กรณีนี้ มักพบบ่อยให้ผู้ที่ทำงานหน้าจอคอมพ์เป็นระยะเวลานาน 
3. การตั้งครรภ์ ระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรนสูงขึ้น โดยเฉพาะในช่วงไตรมาสที่ 3 ของการตั้งครรภ์ก็ทำให้เกิดฝ้าได้ หลังจากที่คุณแม่คลอดบุตรแล้วฝ้าจะจางลงแต่ก็ต้องใช้ระยะเวลาในการฟื้นตัวเช่นเดียวกัน 
4. การทานยาคุมกำเนิดเป็นระยะเวลานานกระตุ้นให้ฮอร์โมนเอสโตรเจนในร่างกายสูงขึ้น ส่งผลให้กระตุ้นสร้างสีเมลาโนไซ์ ทำให้เกิดฝ้า พบบ่อยในผู้ที่ทานยาคุมกำเนิดติดต่อกันตั้งแต่ 6 เดือนเป็นต้นไป 
5. สารเคมีในเครื่องสำอางบางชนิด 
6. ความเครียด การพักผ่อนไม่เพียงพอ
7. ร่างกายขาดน้ำ ดื่มน้ำน้อย 

วิธีการป้องกันและรักษาฝ้า กระ

1. หลีกเลี่ยงแสงแดด ด้วยการทาครีมกันแดดที่มี SPF 30+ ขึ้นไป และ PA++ อย่างน้อย 2 ข้อนิ้ว และทาซ้ำทุก 2 ชั่วโมงเมื่อต้องทำกิจกรรมกลางแจ้งเป็นเวลานาน เช่น ตีกลอฟ ทำงานกลางแจ้ง ฯลฯ 
2. หากต้องทานยาคุมกำเนิดเป็นระยะเวลานานควรปรึกษาแพทย์
3. ผ่อนคลาย ลดระดับความเครียด พักผ่อนให้เพียงพอ 
4. ออกกำลังกายสม่ำเสมอและทานอาหารที่มีประโยชน์ โดยเฉพาะสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น มะเขือเทศ มะละกอ ฝรั่ง ส้ม ผลไม้ตระกูลเบอรี่ 
5. ขับถ่ายให้เป็นเวลา สม่ำเสมอ 
6. ดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 1800 – 2000 มิลลิตร ต่อวัน 
7. ทำทรีตเมนท์ lontophoresis อันเป็นเครื่องส่งกระแสไฟฟ้าอย่างอ่อน มีประสิทธิภาพช่วยผลักวิตามินและครีมเข้าสู่ผิวได้ดีกว่าทาครีมทั่วไป 
8. กรอผิวด้วย Microdermabrasion หรือ กรอผิวหน้าด้วยอัญมณี ช่วยผลัดเซลล์ผิวชั้นนอก ลดรอยฝ้าให้จางลง 
9. ทำ Dual Yellow  ลดเลือน เผยความกระจ่างใสด้วยแสง กระตุ้นให้โปรตีนของเมลานินที่เกิดฝ้าแตกจากกัน ช่วยลดรอยฝ้าให้จางลง 

https://youtu.be/zv4mF4G3gHM?si=BeRb0IYxFoHedXLO

10. ลดเลือนฝ้า กระ ด้วย QS ND Yang คลื่นแสงลงสู่ชั้นผิว ลดเลือนฝ้ากระอย่างเห็นผล 

11. โปรแกรม Helios II Laser นวัตกรรมเลเซอร์จากประเทศเกาหลี เผยผิวกระจ่างใส ไร้ฝ้า กระ

12. โปรแกรม Pico Laser ปรับผิวหน้าให้กระจ่างใส เรียบเนียน กระชับรูขุมขนให้เล็กลง ฟื้นฟูผิวสวยสุขภาพดี

หลังเข้ารับการดูแลผิวด้วยเลเซอร์แล้ว ผลกระทบหนึ่งที่ต้องดูเลเป็นพิเศษนั่นก็คือ ปกป้องผิวจากแสงแดดหลังทำทันที อย่างน้อย 1 สัปดาห์ด้วยครีมกันแดด เนื่องจากเลเซอร์ต่างๆ นั้นจะทำให้ผิวอ่อนแอลง แม้ว่าจะเป็นการรักษารอยฝ้า กระ ให้ลดเลือน แต่หากขาดการบำรุงก็มีโอกาสทำให้ผิวหน้าในบริเวณที่ทำนั้น เกิดฝ้า กระ ขึ้นมาได้มากกว่าเดิม ผิวไวต่อแสงมากขึ้น ระหว่างที่ผิวฟื้นตัวอาจเกิดความแห้ง ลอกเป็นขุยได้เช่นกัน 

การดูแลตัวเองหลังเข้ารับการทำเลเซอร์ผิวหน้า

• ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด 
• งดทำกิจกรรมกลางแจ้งอย่างน้อย 1 สัปดาห์ เช่น การว่ายน้ำ ไปทะเล ฯลฯ
• หากต้องทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์ ควรทาครีมกันแดดทุกครั้ง 
• หลีกเลี่ยงการแคะ แกะ สครัปผิวหน้า เนื่องจากอาจยิ่งเป็นการกระตุ้นผิวให้เกิดการระคายเคือง 
• บำรุงผิวด้วยมอยเจอไรเซอร์เข้มข้นให้ผิวชุ่มชื่นอยู่เสมอ